การเปลี่ยนอาหารสุนัขไม่ใช่สิ่งที่คุณควรทำแบบเร่งรีบ โดยเฉพาะเมื่อคุณพาสุนัขตัวใหม่มาเลี้ยงที่บ้าน การที่คุณเห็นสุนัขกินเศษอาหารจากกองขยะอาจทำให้คุณคิดว่าพวกเขามีกระเพาะเหล็ก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สุนัขมีกระเพาะที่บอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ และการเปลี่ยนอาหารให้พวกเขาอย่างกะทันหันอาจส่งผลเสียต่อกระเพาะของสุนัข เพื่อให้การเปลี่ยนอาหารสุนัขเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับสมาชิกตัวใหม่ของบ้านคุณ คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

เริ่มจากอาหารที่สุนัขคุ้นเคย

ขอให้ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงแบ่งอาหารสุนัขเพื่อนำกลับบ้านมาด้วย ตามหลักการแล้ว พวกเขาควรแบ่งอาหารสุนัขให้คุณในปริมาณที่เพียงพอสำหรับสัปดาห์แรก หากทางศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงไม่สะดวกที่จะแบ่งอาหารสุนัขให้คุณ ลองสอบถามถึงอาหารที่พวกเขาให้สุนัขกินก่อนที่คุณจะรับสุนัขมาเลี้ยง และแวะซื้อถุงเล็กๆ ก่อนพาสุนัขเข้าบ้าน

เปลี่ยนอาหารแบบค่อยเป็นค่อยไป

ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงหลายแห่งมีงบประมาณที่จำกัด จึงทำให้ไม่สามารถให้อาหารแบบพรีเมียมได้ คุณอาจรู้สึกเป็นกังวลและอยากเปลี่ยนอาหารสุนัขโดยทันที และถึงแม้ว่าคุณจะหวังดี แต่คุณควรอดใจไว้ก่อน การเปลี่ยนอาหารให้สุนัขของคุณอย่างกะทันหันอาจไปรบกวนระบบทางเดินอาหาร ผลที่ตามมาคือการอาเจียน และ/หรือท้องร่วง และคุณคงไม่อยากทำให้เจ้าตูบรู้สึกแย่กับการย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่

แบบไหนถึงเรียกว่าค่อยเป็นค่อยไป ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้เวลาห้าถึงเจ็ดวันในการเพิ่มปริมาณอาหารใหม่ทีละเล็กน้อยและลดปริมาณอาหารเดิมในแต่ละวัน PetMD แนะนำอัตราส่วนการให้อาหารดังนี้

• วันที่หนึ่ง ผสมอาหารใหม่ 20 เปอร์เซ็นต์กับอาหารเดิม 80 เปอร์เซ็นต์
• วันที่สอง ผสมอาหารใหม่ 40 เปอร์เซ็นต์กับอาหารเดิม 60 เปอร์เซ็นต์
• วันที่สาม ผสมอาหารใหม่ 60 เปอร์เซ็นต์กับอาหารเดิม 40 เปอร์เซ็นต์
• วันที่สี่ ผสมอาหารใหม่ 80 เปอร์เซ็นต์กับอาหารเดิม 20 เปอร์เซ็นต์
• วันที่ห้า ให้สุนัขของคุณกินอาหารใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์

คอยสังเกตการณ์

จับตาดูปฏิกิริยาของสุนัขของคุณกับอาหารใหม่ นอกเหนือจากอาการไม่สบายท้องแล้ว คุณควรสังเกตอุจจาระของสุนัขของคุณด้วย หากอุจจาระมีลักษณะเหลวหรือนิ่มผิดปกติ หรือหากสุนัขของคุณแสดงอาการไม่สบายท้อง ให้ชะลอกระบวนการเปลี่ยนอาหารและให้เวลาเขาปรับตัวอีกสักหน่อย